วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

ดอกฟ้ากะหมาวัด ตอนจากลา


  ในวันวาเลน์ไทม์ ผมกะปูเป้และเพื่อนๆกำลังสนุกสนานกะการกินขนมกับแปะสติกเกอร์ที่เสื้อให้กัน สติกเกอร์เป็นรูปหัวใจที่สมัยนั้นจะขายเป็นแผ่นในแผ่นจะมีสติกเกอร์รูปหัวใจหลายแบบ เป็นเงาเป็นเกล็ดแววๆ ผมกะปูเป้ก็ซื้อมาติดให้เพื่อนๆทุกคน ซึ่งวารีก็เป็นเพื่อนที่ผมติดให้ด้วย ในตอนที่ผมติดให้เพื่อนไปเรื่อย พอมาติดให้วารี...เธอก็ยิ้มๆแล้วบอกผมว่า นัน( ผมชื่ออนันต์)เราชอบแกน่ะ คำพูดประโยคนี้ทำเอาผมค้างไปเลยที่เดียว
   ผมไม่เคยคิดเลยว่าวารีที่เป็นเพื่อนผมจะมีความรู้สึกชอบผม วารีเป็นผู้หญิงสวยเปรี้ยว ทำผมสไลด์เก๋ๆ ที่ผมด้านซ้ายจะยาวมาปิดตานิดๆด้านขวาจะสั้นกว่า ผมยาวถึงท้ายทอย ซึ่งในสมัยนั้นดูเก๋มากทันสมัยสุดๆ เธอบอกชอบผมขณะที่กำลังติดสติกเกอร์ให้ แม้จะไม่ดังมากแต่ก็เพียงพอให้ปูเป้ที่อยู่ข้างๆผมได้ยิน ผมกะปูเป้หันมามองหน้ากันอย่างตกใจ จนวารีบอกว่า "เราแค่อยากบอกเฉยๆ เพราะใกล้จะจบกันแล้วจะไม่มีได้โอกาสบอก" เธอบอกต่อว่าไม่ได้คิดจะให้ผมเลิกกะปูเป้หรอก แต่เธอรู้สึกประทับใจผม ที่ผมมักคอยดุแลเอาใจใส่ปูเป้อยู่เสมอ เธออยากให้มีคนเอาใจใส่เธอแบบนี้บ้าง
   ในวันวาเลน์ไทม์นั้น ก็มีหนุ่มๆหลายคนมาให้ดอกไม้ปูเป้ มาติดสติกเกอร์ให้ มีเอาขนมมาให้แบบมากมาย แน่ละก็เธอเป็นสาวสวยประจำโรงเรียนนี่ ผมรู้สึกภูมิใจน่ะที่มีคนชอบแฟนผมแยอะขนาดนี้ แต่เธอกลับเลือกคบกะคนอย่างผม มันน่าภูมใจสุดๆเลย
   จากเหตุการณ์ในวันวาเลน์ไทม์นั้น ทำให้ผมกับวารีมีระยะห่างกันมากขึ้น แต่เราทั้งกลุ่มก็ยังไปกินข้าวช่วงพักกลางวันกันอยู่ แต่ผมและวารีคุยกันน้อยลง อาจเป็นเพราะเราทั้งคู่ต่างรู้สึกไม่รู้จะวางตัวยังไงด้วย แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
   และแล้วก็ถึงวันที่จบการศึกษา ผมและปูเป้ยังคงไปไหนมาในตลอดจนวันสอบวันสุดท้าย ผมไม่อยากให้ถึงวันนี้เลย เพราะผมอาจไม่ได้เจอปูเป้อีก อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่าแม่ของปูเป้ไม่อยากให้มีแฟน เวลาปูเป้อยู่บ้านในวันเสาร์-อาทิตย์ ผมจะโทรไปคุยกะปูเป้โดยอ้างเรื่องการบ้านเสมอ แล้วนี่ถ้าจบไปแล้วผมอ้างอะไรได้อีก ในวันสุดท้ายก็มีการเขียนที่เสื้อนักเรียนตอนจบและสมุดเฟรนด์ชิพ ผมเขียนที่เสื้อปูเป้ว่า เราจะรักกันตลอดไป เป็นข้อความเดียวกับที่ปูเป้เขียนที่เสื้อผม
   ในวันนั้นเราต่างคนต่างกลับเพราะน้าของปูเป้มารับ และนัดกันอีกทีว่าจะเจอกันวันรับสมุดพก ในช่วงระหว่างนั้นผมก็ยังโทรหาปูเป้เกือบทุกวัน จนถึงวันรับสมุดพก
   ในวันรับสมุดพก ผมไม่ได้เจอปูเป้อย่างที่คิด เธอได้ฝากจดหมายไว้ที่เพื่อนฝากมาให้ผม ในจดหมายมีข้อความเท่าที่จำได้ว่า เรารักเธอน่ะ แต่เราคงมาเจอเธอไม่ได้อีกแล้ว เราเสียใจที่ต้องจากกันแบบนี้ เราจะเก็บเธอไว้ในใจเราเสมอ
   นั้นคือข้อความสุดท้ายที่ผมได้รับจากปูเป้ ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมร้องไห้ ผมรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องจากกัน ทำไมเราคบกันไม่ได้ ผมพยายามติดต่อปูเป้ทางโทรศัพท์หลายครั้ง แต่แม่เธอรับแล้วบอกว่าปูเป้ไม่อยู่ หรือกำลังหลับบ้าง และผมกับปูเป้ก็ไม่ได้คุยหรือเจอกันอีก
จน...ผมเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าวแล้วบังเอิญได้เจอปูเป้อีกครั้ง

ปล.ยังมีต่ออีกนิด ผมจะกลับมาเขียนต่อวันพรุ่งนี้น่ะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น