วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2557

เมื่อผมเป็นเพียงโต๊ะ ตู้ เตียง



    วันนี้ผมขอเขียนถึงกิ๊ก ภรรยาของผม เธอมักมีแนวคิดแปลกๆให้ผมประหลาดใจบ่อยๆ ขอเล่าตั้งแต่เริ่มต้นที่พบกันเลยน่ะครับ เพราะจุดเริ่มต้นนี่ล่ะที่เป็นเรื่องที่ผมอยากเล่าถึงในวันนี้
    เริ่มจากที่ผมเจอกิ๊กที่ทำงาน กิ๊กเป็นนักข่าวของนิตรสารและเขียนหลายคอลัมภ์ในนิตรสารที่ทำ ส่วนผมเป็นหัวหน้าช่างเทคนิค ที่ดูแลระบบออกอากาศวิทยุอีกบริษัทนึง แต่ทั้งสองบริษัทมีเจ้าของเดียวกัน และทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่ในออฟฟิตจะแยกหลักๆเป็น3โซน คือห้องServerซึ่งผมทำงานในห้องนี้คนเดียว ส่วนออฟฟิตคือส่วนที่กิ๊ก(ภรรยาผม)ทำงาน ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่อยู่ห้องนี้ และส่วนอีกโซนคือห้องออกอากาศ ที่อธิบายนี่เพื่อให้เห็นภาพว่าผมกับกิ๊ก ไม่ค่อยได้เห็นหน้ากันเท่าไรนัก
    กิ๊กถือว่าเป็นพนักงานใหม่เพราะอยู่มาได้ประมาณ1ปี ส่วนผมอยู่มา10ปีแล้ว สองบริษัทนี้เหมือนเป็นบริษัทเดียวกัน เพราะทำงานอยู่ที่เดียวกัน เว้นผมที่แยกห้องทำงานออกไป(คนนอกคอก) นั่นทำให้ผมและกิ๊กไม่ได้มีโอกาสที่จะคุยกันเลย แต่ด้วยที่ผมทำงานดูแลเทคนิคของทั้งสองบริษัท เวลาอุปกรณ์ITมีปัญหา กิ๊กก็จะเรียกผมให้ไปดู
    ผมเองเห็นกิ๊กครั้งแรกแล้วรู้สึกชอบ แต่ผมก็ได้แค่มองอยู่ห่างๆเพราะตอนนั้นเธอมีแฟนอยู่แล้ว ผมจะไม่ยุ่งกะแฟนใครเด็ดขาดอันนี้เป็นคติประจำตัวของผม เราได้คุยกันไม่เกิน5ครั้งในรอบปี จะว่าคุยก็คงไม่ได้เพราะเธอมาตามให้ผมไปดูคอมมากกว่า ผมก็ได้แต่เก็บความชอบของผมไว้ในใจ ได้แต่ดูเธออยู่ห่างๆ
     แต่เหมือนเป็นพรหมลิขิต หรือไม่ก็ผีผลัก วันเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทเรามีการจับสลากแลกของขวัญโดยรวมกันทั้งสองบริษัท(ประมาณ20คน) ปีนั้นผมซื้อตุ๊กตาหมาตัวใหญ่ขนาด1.2ม.ไปจับสลาก ด้วยความคิดเล่นๆว่าให้ถือกลับกันลำบากๆ แต่ตุ๊กตาหมาตัวนั้นกลับเป็นที่สนใจของน้องๆในออฟฟิต ผมเลยพูดเล่นๆกับน้องๆว่า ใครจับสลากได้ตุ๊กตาตัวนี้ต้องเอาเจ้าของไปด้วยน่ะ.....แล้วคนที่จับได้ก็คือกิ๊ก ภรรยาของผมผู้นี้นี่เอง
     กลับมาทำงานหลังจากหยุดปีใหม่ ผมทราบว่าเธอเพิ่งเลิกกะแฟน เพราะผมติดตามFacebookเธออยู่เงียบๆ ตอนนั้นผมลังเลใจมาก เพราะการเข้าไปตอนที่เธอกำลังเสียใจมันเสี่ยง คาดเดาไม่ได้ว่าจะออกมาในทางบวกหรือลบ แต่คิดว่าตัวเราเองมีความจริงใจและหากช้าหรือลังเล ผมอาจพลาดสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป ตั้งแต่นั้นผมก็เริ่มพูดคุยกับกิ๊กมากขึ้น และดูเหมือนกิ๊กเองก็ดูออกว่าผมมาจีบ ผมเริ่มจากการชวนเธอดูหนังและผมแปลกใจมากที่เธอยอมมาดูด้วย ด้วยเหตุผลแปลกๆที่ผมยังไม่เข้าใจว่า ก็ลองมาดูหากผมรู้สึกไม่Happyเดียวผมก็หายไปเอง โดยรู้ที่หลังว่าตอนนั้นเธอยังไม่ได้ชอบผมเลย
    ในวันที่ดูหนังวันนั้นผมยังไม่ยินประโยคแนวคิดแปลกๆอีกอย่างคือ เธอเห็นผมเป็นดั่ง โต๊ะ ตู้ เตียง หมายความว่าผมมีตัวตนจริงแต่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรก็แค่นั้น ผมนึกขำคำพูดของเธอที่เธอเปรียบเทียบแบบนั้น และเป็นประโยคที่ผมจำมาตลอดจนทุกวันนี้ ผมเป็นดั่ง โต๊ะ ตู้ เตียง
    จากวันนั้น...ความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงเตือนในหลายๆทางทั้งเพื่อน พ่อแม่พี่น้องของเธอ เพราะผมกับเธอห่างกันถึง19ปี ความแตกต่างที่ดูมากมายอีกทั้งผมยังเคยมีครอบครัวและมีลุกชายด้วย อีกทั้งปัญหากับคนในบริษัทที่มีความเข้าใจผิดหลายๆเรื่อง(ซึ่งผมขอไม่พูดถึงเพราะไม่มีสาระใด) มีประโยคที่ผมได้ยินผ่านกิ๊กหลายครั้งว่า ทำไมไม่หาคนดีๆล่ะ
    ผมทบทวนตัวเองหลายครั้งว่าผมไม่ดียังไง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่น เข้าวัดทำบุญทุกวันพระ รักครอบครัว ผมว่าผมโครตดีเลยน่ะ ถ้าบอกผมดีเกินไปน่าจะเหมาะกว่า สิ่งที่ผมทำได้ก็คือพิสูจน์ในกิ๊กเห็นว่าผมดีพอ ผมรู้ดีถึงความแตกต่างหลายๆอย่างแต่ผมเชื่อว่า ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ 
    หลังจากนั้นไม่นานพ่อแม่ของกิ๊กบอกให้กิ๊กเลิกคบกับผม ให้ออกจากงานเพื่อไม่ให้เราเจอกัน ด้วยเหตุผลที่ผมไม่สามารถเอ่ยในนี้ได้ ผมได้พยายามทุกทางจนเกิดผล จนผมได้พาพ่อและพี่ชายมาสู่ขอกิ๊กและเราก็ได้แต่งงานกันในวันที่ 23 มิถุนายน 2556 เราสองคนช่วยเตรียมการงานต่างๆ ต้องขอบคุณเพื่อนเป๊ะ ที่ช่วยถ่ายรูปPre Weddingและดูแลความเรียบร้อยในงาน น้องต๋อยที่มาช่วยถ่ายรูปงานแต่ง กุ๊กและปังปอนด์ที่มาช่วยดูแลงาน น้องๆจากกลุ่มเกษตรสานที่มาช่วยตั้งแต่การเตรียมงานจนเสร็จสิ้นงาน และพี่ๆน้องๆอีกหลายท่านที่ไม่ได้เอ่ยถึง
     บนเวทีที่พิธีกรถามภรรยาผมว่ารู้สึกไงกับผม เธอบอกออกมาว่า แรกที่เดียวเห็นผมเหมือน โต๊ะ ตู้ เตียง แขกในงานขำกันใหญ่ที่ได้ฟังแบบนั้น แต่สำหรับผมแล้ว แม้ผมจะเป็นโต๊ะ ตู้ เตียง แต่คงเป็นโต๊ะ ตู้ เตียง ที่ภรรยาผมรักที่สุดแน่ๆ
     แม้ว่าเราจะมีความแตกต่างกันในหลายๆด้านแต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรค์ในการที่เราจะรักกัน แม้มีอุปสรรค์มากมายที่พยายามแยกเราออกจากกัน แต่หากเราพยายามให้ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ การมีคนรักและได้รักกันว่ายากแล้ว การรักษาความรักเอาไว้ยิ่งยากกว่า ผมจะพยายามรักษาครอบครัวที่มีค่าของผมไว้ให้ดีที่สุด ผมฝันไว้เสมอว่าจะมีคนอยู่กับผมจนลมหายใจสุดท้าย และผมก็หวังว่ากิ๊กจะเป็นคนๆนั้น



สุดท้ายผมขอขอบคุณภรรยาของผม ที่เชื่อมั่นในตัวผมและเลือกที่จะใชัชีวิตร่วมกัน ขอบคุณครับ ที่รัก
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น