วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

ดอกฟ้ากะหมาวัด ตอนเธอคือนางฟ้าของผม

 
   จากวันที่ผมจบม.3 ต่างก็แยกย้ายกันไปศึกษาต่อ ผมและปูเป้ไม่ได้ติดต่ออีกเลย ผมไม่ทราบแม้แต่ที่อยู่ของเธอ ความรู้สึกผมตอนนั้นเหมือนโลกมันมืดหม่น ในช่วงนั้นผมก็กำลังย้ายบ้านจากแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มาแถวรามอินทราซึ่งมันดูไกลกันมาก ครอบครัวเรายุ่งๆเพราะต้องมีการย้ายข้าวของต่างๆ ตัวผมเองก็เข้าเรียนที่ใหม่ เป็นโรงเรียนอาชีวะแถวๆแยกลาดพร้าว การเริ่มชีวิตใหม่ เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ผมหมดหวังที่จะได้เจอปูเป้แล้ว ....
   ในสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ทำให้ผมผ่อนคลายความเสียใจไปได้พอควร การเริ่มต้นใหม่ในโรงเรียนอาชีวะ มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ผมมีเพื่อนใหม่ที่สนิทกันมีหลายคน ซึ่งจะมาเล่าเรื่องวีรกรรมของเหล่าเพื่อนพ้องของผมในภายหลัง
    ผมกับเพื่อนจะเป็นพวกเรียนกลางๆ ชอบเที่ยวมากกว่า ตอนนั้นมีห้างเซ็นทรัลเปิดใหม่แถวแยกลาดพร้าว ซึ่งแน่นอนผมกับเพื่อนไปเดินตั้งแต่ห้างเปิดวันแรก นั่นจึงกลายเป็นที่โปรดของผมและเพื่อน เราไปเดินกันทุกวันเดินจนแทบจะพูดได้ว่า ไม่มีพื้นที่ตรงไหนที่ผมกับเพื่อนไม่เคยเหยียบเลย และนั่นเป็นเหตุให้ผมเจอกับปูเป้อีกครั้ง
    ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าบังเอิญหรือพรหมลิขิตดี วันหนึ่งผมไปเดินเซ็นทรัลลาดพร้าวเหมือนปกติเช่นทุกวัน เดินชมโน้นนี่ ดูร้านเสื้อผ้าและคนขายน่ารักๆไปเรื่อย และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผมเห็นปูเป้...เธออยู่ในชุดเครื่องแบบพนักงานร้านเสื้อผ้าชื่อดังสมัยนั้น ผมไม่อยากเชื่อสายตาผมเลยว่าเป็นเธอจริงๆ ผมเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นเป็นสิบรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นปูเป้จริงๆ เธอยังดูสวยและดูดีเหมือนเดิม แม้จะดูว่าผอมไปสักนิด
    อาจคิดว่าผมจะเข้าไปทักทายปูเป้เลยใช่ไหม ตอบว่าไม่ใช่ครับ....ผมก็บอกไม่ถูกน่ะว่าทำไมผมไม่เข้าไปหาหรือทักทายเธอ เแต่ผมจำได้ดีว่าในวินาทีแรกที่เจอปูเป้ ผมขนลุก ตัวเย็นวาบ ตื่นเต้นและสับสนมากๆ อาการเหมือนเจอคนที่ชอบมากๆแต่ไม่กล้าเข้าไปทำความรู้จักน่ะ ผมเดินวนเวียนแถวร้านที่เธอทำงานอยู่2 3 วัน กว่าเธอจะหันมาเห็นผม
    วันนั้นผมก็ไปเดินวนเวียนดูปูเป้ที่ร้านตามปกติ และทุกครั้งจะมองมาจากระยะไกล ด้วยความบังเอิญหรืออะไรไม่ทราบ เธอหันมาฝั่งที่ผมยืนอยู่และเจอผมเข้า ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เธอเดินออกมาหาผม เธอยิ้มให้ผม คำแรกที่เธอพูดออกมาคือ "ขอโทษน่ะ... นันสบายดีไหม๊"
    แล้วเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง เธอขอโทษผมที่เธอจากไปโดยทิ้งไว้แค่จดหมาย1ฉับบ เธอบอกว่าเธอเองก็ไม่รู้จะทำไง แม่ไม่ยอมให้คบกัน และเธอเองก็ไม่ค่อยสบายต้องไปหาหมอเป็นประจำ จึงไม่สามารถจะมาเจอกันได้ และที่เธอมาทำงานที่ร้านก็เพราะที่เธอไม่สบายนี่ล่ะ ทำให้เธอไม่ได้เรียนต่อ มาทำงานยังมีหยุดทีละหลายวันเลย แต่เพราะน้าเธอรู้จักเจ้าของร้านจึงลาได้หลายๆวัน
     ผมยังไม่เคยบอกใช่ไหมครับว่าปูเป้เป็นโรคลูคีเมีย ที่ผมเคยเล่าว่าเธอเล่นพละไม่ได้ เป็นลมบ่อยน่ะ เธอเป็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ร่างกายเธอจะอ่อนแอมาก โดนแดดสักพักก็จะเป็นลม เดินนานๆหรือทำไรหักโหมก็จะมีอาการเหนื่อยง่าย ผมรู้มาตั้งแต่เราเริ่มเป็นแฟนกันแล้ว เธอจะต้องไปโรงพยาบาลบ่อยๆ จนระยะหลังมีการให้เลือดด้วย
    ผมไปหาเธอที่ร้านทุกวันเอาน้ำขนมไปฝากเธอเป็นประจำ หลังๆอาการเธอทรุดลงเรื่อยๆ ขาดงานบ่อยจนต้องออกจากงาน ผมได้รู้จักแม่เธอและไปหาเธอที่บ้านบ้าง ปูเป้จะเข้าๆออกๆโรงพยาบาลอยู่นาน จนวันนึงเธอมีอาการแย่ลง ต้องนอนโรงพยาบาลและให้เลือด ผมไปหาเธอแทบทุกวัน ผมรู้ว่าเธอคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก ผมอยากอยู่กับเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    ตลอดเวลาที่ปูเป้ป่วย ผมไปหาเธอแทบทุกวัน ไปพูดคุยเล่าเรื่องต่างๆให้เธอฟัง เธอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอยังคงความสวยงามสำหรับผมเสมอ เธอบอกกับผมว่า ถ้าเราตายไปเธอไม่ต้องร้องไห้น่ะ ตอนนั้นน้ำตาผมเอ่อมาที่เบ้าตาแล้ว ผมอยากให้เธอหายป่วยแต่ผมทำได้แค่ยืนมองเธอและดูเธอจากไปเท่านั้น
    แล้ววันนั้นก็มาถึง ผมไปหาเธอที่โรงพยาบาลตามปกติ เธอมีอาการทรุดลงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เธอนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง เธอหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจ เธอตัวเหลืองและผอมมาก แม่เธอบอกผมว่า ปูเป้รอผมอยู่......ผมเดินไปจับมือเธอ ผมได้แต่มองหน้าเธอและพูดตลอดว่า นันรักเป้น่ะ ผมไม่รู้หรอกว่าเธอได้ยินผมไหม แต่สิ่งที่ผมเห็นจากใบหน้าเธอคือรอยยิ้มบางๆ ผมไม่รู้หรอกว่าผมคิดไปเองไหม แต่ผมเห็นรอยยิ้มนั้นจริงๆ ผมจับมือเธอจนลมหายใจสุดท้ายของเธอ
    ............................
    ผมชอบมองไปบนท้องฟ้า แล้วหวังว่าผมจะได้เห็นเธอ เพราะผมเชื่อว่าเธอไปเป็นนางฟ้าแล้ว และเธอจะเป็นนางฟ้าสำหรับผมตลอดไป



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น