วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

ปลดแอก

 


   เพื่อนๆเรียกผมว่าโจ ผมชื่อจริงว่า อนันต์ ชื่อเล่นที่พ่อแม่ตั้งให้ชื่อ น้อง ส่วนชื่อโจเป็นชื่อที่อาผมตั้งให้ ซึ่งชื่อนี้มาจากชื่อนักมวยชื่อ โจ กาเซีย ตามที่ได้ฟังมา เป็นนักมวยที่เก่งมากๆในยุคนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าหน้าตาผมออกลูกครึ่งหรืออย่างไรอาผมถึงตั้งชื่อให้ว่าโจ พ่อแม่หรือญาติๆผมก็จะเรียกผมว่าโจมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ผมก็ยังแทนตัวเองว่าน้องอยู่เสมอ จนถึงทุกวันนี้
   ครอบครัวผมแรกเริ่มจะมี พ่อ แม่ และพี่ชายผม และผม พ่อแม่จะเลี้ยงผมกับพี่ชาย(ชื่อพี่หนึ่ง)มาคนละแบบ พี่หนึ่งจะถูกเลี้ยงมาให้เป็นผู้นำ คอยดูแลน้อง มีระเบียบวินัย ดูแลสิ่งต่างๆในบ้าน ซึ่งผิดกับผมที่ถูกเลี้ยงมาแบบน้องคนสุดท้อง ที่ทำไรก็ได้ ตามใจ(แบบมีขอบเขต) ไม่มีกรอบความคิด ดังนั้นเราพี่น้องจึงแตกต่างกันมาก ทั้งในด้านความคิดและการใช้ชีวิต 
   ผมเติบโตมาในชุมชนแอดอัดหรือที่เรียกว่าสลัม เป็นชุมชนกิ่งเพชร อยู่แถวถนนเพชรบุรี เด็กๆในชุมชนโดยทั่วไปก็จะออกซ่าๆเกเรนิดๆ แต่ที่บ้านผมจะมีกฎเหล็กคือ ห้ามออกนอกบ้านเวลากลางคืน ห้ามสูบบุหรี่หรือสิ่งเสพติด ซึ่งผมและพี่ไม่กล้าแหกกฎเลยเพราะพ่อดุมาก และด้วยกฎที่พ่อตั้งนี่ล่ะ ทำให้ผมและพี่ไม่ติดยาและทำตัวไม่ดี 
   อย่างที่บอกว่าผมเติบโตมาในสลัม ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมอบายมุขทุกชนิด ไม่ว่าจะยาเสพติด การพนัน ลักขโมย และการทะเลาะวิวาท แต่ผมและพี่หนึ่งรอดสิ่งเหล่านั้นมาได้ด้วยกฎของพ่อ แต่ใช่ว่าผมจะเรียบร้อยน่ะ ผมนี่ก็ตัวแสบของกลุ่มเหมือนกันเวลาอยู่นอกบ้าน มีรับดูต้นทางให้วงไพ่ ต้นทางคอยดูตำรวจว่าเข้ามาในชุมชนไหม รวบกลุ่มกะเพื่อนๆซ่าไปตามซอยต่างๆแถวนั้นและอื่นๆอีกมากที่พูดไม่ได้
   ผมเป็นคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มและเล็กที่สุดในคนอายุเท่าๆกัน ผมจึงโดนรังแกจากคนที่ตัวโตกว่าหรืออายุมากกว่า มักจะโดนเรียกว่าไอ้เตี้ยเสมอๆ มีอยู่วันนึงเล่นทอยเส้นกะเพื่อนๆแถวนั้น ก็เกิดทะเลาะกะเพื่อนที่เล่นด้วยกัน ผมจำไม่ได้แล้วว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่จำได้ดีที่เขาตบหัวผมแล้วเรียกผมว่าไอ้เตี้ย เราด่าว่ากันอยู่พักนึงก็มีการลงไม้ลงมือ ด้วยผมที่ตัวที่เล็กกว่าทำให้สู้กำลังเขาไม่ได้เลย ที่สุดผมก็ทุ่มสุดตัวเข้ากอดที่ตัวเขาแล้วกัดที่บริเวณลำตัวอย่างเต็มแรง เป็นผลครับ...เขาหยุดทุบผมและร้องลั่น ผมกัดอยู่อย่างนั้นสักครู่ แต่ในตอนนั้นมันเหมือนนานมาก จนเขาล้มลงและมีผู้ใหญ่มาห้าม
   เขาร้องไห้เสียงดัง มีผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆมาห้าม ผมจึงปล่อยเขา ผู้ใหญ่ที่มาห้ามเปิดดูใต้เสื้อที่โดนผมกัด ผมเห็นชัดเจนเลยว่าเป็นรอยฟันผมเข้าไปมีรอยแดงมีเลือดออกซิบๆ ผมตะโกนดังลั่นว่าอย่ามาแกล้งกูอีก อย่ามาว่าเรียกกูเตี้ย ตั้งแต่นั้นมาผมกลายเป็นโจหมาบ้า รู้จักกันไปทั่วแถวนั้น ไม่มีใครกล้ามาแกล้งผมอีก ไม่มีคนเรียกผมว่าไอ้เตี้ยอีกเลย หลังจากนั้นนานพอสมควร ผมกับคนที่มีเรื่องก็ได้คุยกันอีกและขอโทษขอโพยซึ่งกัน เขาเปิดรอยกัดที่ลำตัวให้ดู มันเป็นแผลตามรูปฟันผมและเป็นแผลเป็นติดตัวเขาเลย
    ยังครั้ง..วีรกรรมสร้างชื่อผมยังมีอีกแยอะ อย่างอีกครั้งที่โรงเรียน จำคราวๆว่าไม่น่าจะเกินม.1 ที่โรงเรียนมีโต๊ะปิงปองอยู่4-5โต๊ะ ก็จะมีการเอาไม้ปิงปองไปจองกันไว้ ผมกับเพื่อนก็เอาไม้ปิงปองไปวางไว้เพื่อจองเช่นกัน วันนี้มีรุ่นพี่มาเล่นโต๊ะที่ผมจอง แถมโยนไม้ปิงปองผมไว้กะพื้นแถวๆนั้น ผมกะเพื่อเดินเข้าไปโวยวายกะรุ่นพี่ เขาบอกว่ากูมาก่อน จองไรกูไม่สน ไปไกลๆกูเลยไอ้เตี้ย และเริ่มโต้เถึยงกันรุนแรง รุ่นพี่ผลักผมและเพื่อนจนที่สุด จังหวะนึงที่ผมเอาไม้ปิงปองฟาดหน้ารุ่นพี่คนนั้นไปเต็มแรง ทำเอาปากกะจมุกแดงไปเลย ผมจำได้ว่าผมกระโดดขึ้นโต๊ะปิงปองแล้วโดดต่อยใส่รุ่นพี่คนนั้นอย่างแรง สรุปว่าเจ็บทั้งกลุ่ม ผมเหรอครับ..เจ็บสิครับ แดงทั้งตัวจากการต่อยกัน ปากแตกเจ้อ คุณครูมาและว่ากล่าวรุ่นพี่ที่ทำรุ่นน้องตัวเล็กๆแบบผม ตั้งแต่นั้นผมก็มีชื่อในโรงเรียนว่าเป็นตัวแสบ ทั้งๆที่ผมแค่พยายามปกป้องตัวเองเท่านั้น
    ทั้งหมดเพราะผมไม่อยากโดนแกล้ง คนที่ไม่สู้ก็จะโดนแกล้งอยู่ร่ำไป มีเพื่อนผมที่เคยโดนแกล้งเพราะเขาอ้วน เขาอยู่กลุ่มเดียวกะผม ตั้งแต่มีเรื่องคราวนั้นผมและเพื่อนๆก็ไม่โดนแกล้งอีก มันเหมือนพวกเราได้ปลดแอกเลยที่เดียว
    นี่เป็นวีรกรรมแสบๆของเด็กตัวเล็กๆแบบผมในช่วงม.ต้น ยังมีเรื่องแสบๆซ่าๆอีกแยอะครับ หากมีโอกาสผมจะมาเล่าอีกน่ะครับ 

2 ความคิดเห็น:

  1. ตอนอยู่มัธยม จะเหนกลุ่มเด็กซ่าๆในโรงเรียนชกต่อยกันประจำ หยิน(นับว่าเป็นเด็กเรียนนั่งหน้าห้อง) มักจะมองว่าพวกเค้าชอบเรียกร้องความสนใจหรือพยายามทำตัวให้มีปัญหาเสมอ แต่พอโตมา ตอนนี้ได้เห็นพวกเด็กซ่าๆแบบนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ ซึ่งต่างจากภาพที่เคยเห็นในอดีตโดยสิ้นเชิง วันนี้ได้อ่านที่พี่โจเขียนก็ทำให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของสังคมในโรงเรียนที่หยินไม่เคยมีโอกาสได้รับรู้เลย ถือเป็นความรู้ใหม่ที่ไปเติมเต็มเรื่องราวในอดีตที่ไม่เคยเข้าใจ ขอบคุณที่เอามาแชร์กันค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณ คุณนะพัดที่ติดตามอ่านเรื่องเล่าของผู้ชายธรรมดา
      ผมแค่อยากเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตผม เพื่อให้เห็นอีกมุมมองอีกด้านหนึ่งที่บางคนไม่เคยเห็น
      ยังไงช่วยแน่ะนำติดชมและ ติดตามอ่านต่อไปด้วยน่ะครับ

      ลบ